:; Learn
love story No. 2 ;:
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็ 5 ทุ่ม กว่าๆ
ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่ที่ผมรู้สึกได้คือความอบอุ่นตลอดเวลาที่ผมหลับนั้นไม่เคยจางหายไปเลย...เหมือนกับคนที่นอนอยู่ข้างๆผมตอนนี้
ผมค่อยๆแกะมือของพี่จาออกจากเอว แล้วลุกขึ้นนั่งพิงไปกับหัวเตียง
ร่างสูงขยับตัวเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ลืมตาตื่นแต่อย่างใด
มือบางหยิบทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะตัวเล็กข้างหัวเตียงมาเปิดเครื่อง พอเปิดเครื่องเท่านั้นแหละ เปิดไม่ติด!
สงสัยแบตจะหมดแน่เลย ผมลงจากเตียง เดินไปที่โต๊ะตัวเล็กที่อยู่ข้างตู้เสื้อผ้าหยิบเอาสายชาร์จแบตขึ้นมาเสียบชาร์จ
เฮ่อออ รู้สึกตัวเองไม่มีแรงเอาซะเลย จะลุก
จะเดิน จะนั่ง ก็เหนื่อยไปหมด แถมยังปวดตาด้วยนี่สิ ผมเปิดประตูตู้เสื้อผ้า
หยิบเอาชุดนอนออกมา แล้วเดินเข้าห้องน้ำ
อาบน้ำหน่อยก็ดีแฮะ
เผื่อมันจะทำให้รู้สึกชดชื่นขึ้นมาหน่อย
ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำไม่นาน
ผมก็เดินออกจากห้องยน้ำในชุดนอนสบายๆตัว แต่พอเดินออกมาแล้ว
ผมก้พบกับสิ่งผิดปกติบางอย่างในห้อง
คือมีใครบางคนหายไป พี่จา?
“กลับห้องของตัวเองไปแล้วสินะ”
พึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วเดินไปที่หน้ากระจก ผมมองหน้าตัวเองผ่านกระจกเงา สภาพเหมือนซอมบี้ดีๆนี่เองอ่ะ
คอบตาแดงช้ำ ตาบวม หน้าซีด ปากซีด จมูกแดงหน่อยๆ
ผมยุ่งๆ ฮึก!! ไม่เอาแบบนี้นะ
ผมไม่ได้เป็นซอมบี้นะ!!
“จ้องแบบนั้น มันคงจะหายไปหรอกนะ”
“อ๊ะ!” เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
ทำไมผมไม่รู้สึกเลยล่ะ
ผมมองพี่จาที่เดินเข้ามาในห้อง ในมือถือถาดอาหารมาด้วย
ร่างสูงเดินไปที่ระเบียง แล้วเอาถาดอาหารวางไว้ที่โต๊ะด้านนอก
ก่อนจะเรียกให้ผมไปทานอาหารที่เขาเอามา
“กินอะไรก่อนสิ
ยังไม่ได้ทานอะไรทั้งวันเลยไม่ใช่เหรอ?”
ผมเดินไปหาพี่จา แล้วมองอาหารในที่ถูกร่างสูงจัดวางที่โต๊ะด้วยความสงสัย เขาไปทำตั้งแต่เมื่อไหร่
เวลาแค่นิดเดียวทำได้มากขนาดนี้เลยเหรอ?
“พี่ทำไว้ตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว แค่ไปอุ่นน่ะ”
คำถามผมกระจ่าง
ผมพยักหน้ารับแล้วนั่งลงตามที่เขาบอก
โดยมีร่างสูงนั่งอยู่ตรงหน้า ผมมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะ
สลับกับคนทำที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แปลกใจมั้ย?
ตอบได้เลยว่ามาก มีผู้ชายแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ผมรู้จัก และทำกับข้าวเป็น
ถ้าตัดแตมป์กับพี่เซยืออกไป ก็คงจะมีพี่จาอีกคน
แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะกินได้รึเปล่า?
ผมตักกุ้งที่อยู่ในถ้วยต้มยำกุ้งมาใส่จานข้าว
แล้วตักเขาปาก เคี้ยวๆๆ กลืน อืม รสชาติใช่ได้เลยครับ อร่อยมากกว่าที่แตมป์ทำอีก
“เป็นไงบ้างครับ?” เขาจ้องมองผมอย่างลุ้นๆ
“อืม...อร่อยครับ” ผมบอกกลับยิ้มๆ
ถึงมันจะแค่ยิ้มบางๆก็เถอะ
แต่ผมว่านี่คงจะเป็นยิ้มที่ดีที่สุดของผมในตอนนี้ก็ได้มั้งครับ
“ฮ่า ดีใจจัง
ครั้งแรกเลยนะที่พี่ทำให้คนอื่นนอกจากคนในครอบครัวทานน่ะ” ผมนิ่งไปนิด
คนอื่น?...ผมเป็นคนอื่น
ของพี่เซย์....เหมือนกัน
อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาให้ได้เลย
ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ไม่เข้าใจเลย
ดูเหมือนว่าพี่จาจะไม่ได้สังเกตุเห็น แต่ก็ดีแล้วที่เขาไม่เห็น
“ถ้าเป็นคนที่พี่ไม่รู้จักน่ะ
คงจะใช่คำว่าคนอื่นได้ง่ายๆเลยล่ะ...แต่สำหรับดัสมันไม่ใช่ ดัสมิลล์คือคนพิเศษสำหรับพี่
จะใช้คำว่าคนอื่นมันดูจะโหดร้ายเกินไป....เพราะนายคือคนที่จะมาเป็นครอบครัวเดียวกับพี่”
จบคำพูดของเขา ผมยิ่งนิ่งค้างไปเลย
คำพูดพวกนี้มาจากไหน?
แล้วต้องการอะไร? ผมไม่รู้ แต่ที่รู้ตอนนี้ผมร้องไห้ไปแล้ว
ไม่ใช่เพราะที่ร่างสูงบอก แต่เพราะผมนึกไปถึงใครอีกคน
ที่เคยบอกว่าอยากให้ผมมาเป็นคนในครอบครัวเหมือนกัน
ทำไมผมต้องไปคิดถึงคำพูดของพี่เซย์ด้วย
แค่คำพูดจอมปลอมที่ไม่รู้ว่าจริงหรือโกหก ทำไมแค่เขาพูด ผมต้องเชื่อด้วย
มันเจ็บปวดไม่ใช่รึไง มันทรามาณไม่เหรอ!!
“อึก..ทะ ทำไม?”
“ดัส พี่ขอโทษครับ”
พี่จาลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงมาหาผมทันที มือหนาเอื้อมมาหมายจะเช็ดน้ำตาให้ผม แต่ผมก็ปัดออก
“ทำไมต้องพูดแบบนั้น!! ถ้าพี่ไม่ได้รักผม อย่าโกหก ฮึก
อย่ามาทำให้ผมเชื่อ ฮือออ” ผมโวยวาย ทั้งทุบ ทั้งตี พี่จาอยู่อย่างนั้น
ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรลงไปบ้าง ผมรู้แค่ว่า
ผมต้องการจะระบายความอึดอัดในใจตอนนี้ให้มันหมดๆไป แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหมดไปสักที
“อย่ามาให้ความหวังกันแบบนี้ อึก ฮืออ” หมดแรงที่จะตีแล้ว
ผมได้แต่กำเสื้อร่างสูงไว้แน่บซบหน้าไปกับอกแกร่งปล่อยน้ำตาให้ไหลอยู่อย่างนั้น
“ฮึกก ไหนพี่สัญญาว่าจะอยู่กับผม ฮือออ
บอกว่ารักผม อึก ไม่ใช่เหรอ? ฮือออ
แล้วมาทิ้งผมทำไม!”
Jaguar
ผมได้แต่กอดดัสมิลล์อยู่อย่างนั้น...ผมมันบ้าเอง
ลืมไปได้ยังไงว่าคำพดแบบนั้น ไอ้เซย์มันเคยพูดไว้ ลืมไปได้ยังไงกัน!
“พี่ขอโทษนะครับ”
“ฮึกก ทำไมล่ะ พี่จา ทำไมล่ะ ฮือออ
ดัสทำอะไรผิด?”
“ดัสไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่มีใครผิดทั้งนั้น”
“อึกก ก” ดูเหมือนว่าดัสมิลล์จะหยุดร้องไห้แล้ว
แต่ก็ยังสะอึ้นอยู่
“ดัส? ไปเดินเล่นมั้ย?” ผมพูดชวน
ร่างเล็กพยักหน้ารับเบาๆ แล้วลุกขึ้นเดินเข้ามาในห้อง ตรงเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า
ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
แล้วหยิบเอาเสื้อคลุมออกมาด้วย ก่อนจะเดินตามร่างเล็กที่เดินออกจากห้องไปก่อนแล้ว นี่ไม่คิดจะรอกันเลยหรือไง เฮ่ออ
ตามอารมณ์ไม่ทันจริงๆ คนอะไรไม่รู้
Dutch mill
อืมม บรรยากาศดีมากเลยล่ะ ชายหาดตอนกลางคืนเนี่ย
แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไม พี่จาถึงพาผมออกมาเดินเล่นเวลานี้
เที่ยงคืนกว่าๆเนี่ย!
“หนาวรึเปล่า?” เขาถาม ผมก็พึ่งจะรู้สึกหนาวตอนพี่ถามนี่แหละ
“นิดหน่อยครับ” ผมตอบ และรู้สึกถึงอะไรอุ้นๆ พี่จาเอาเสื้อคลุมของผมมาคลุมให้
สงสัยเอามาตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าผมแน่เลย
“ขอบคุณครับ แล้วพี่ไม่หนาวเหรอ?”
“พี่ชินกับบรรยกาสแบบนี้แล้ว” อ่าา งั้นเหรอ?
ผมเดินไปพร้อมกับพี่จาด้วยความเงียบ
ได้ยินเพียงเสียงคลื่นทะเลพัดเข้าฝั่งกับเสียงลมเบาๆ เท่านั้น
เราไม่ได้พูดคุยอะไรกัน แค่เดินไปด้วยกันเฉยๆ
ผมว่าที่พี่เขาไม่ชวนคุย คงเพราะต้องการให้ผมได้คิดอะไรเงียบๆล่ะมั้งครับ
แต่ถ้าเรื่องที่ผมคิด
ก็คงไม่พ้นเรื่องพี่เซย์อยู่ดีนั่นแหละ...นึกย้อนไปยังวันเวลาที่ผ่านมา
ถึงเขาจะไม่ได้รักผม แต่เขาก็ทำให้ผมมีความสุขเวลาที่ได้อยู่ด้วย
ถึงมันจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตามที่รู้มาตลอดว่าเขาไม่ได้รักผมเลย
ผมต้องตัดใจจากพี่จริงๆใช่มั้ยครับพี่เซย์
ผมต้องปล่อยพี่ไปจริงๆใช่มั้ยครับ...แล้วมันต้องใช้เวลานานแค่ไหนผมถึงจะลืมพี่ได้ล่ะ?
“ดัสมิลล์...เป็นพี่ได้มั้ย?”
ผมเงยหน้ามองพี่จาด้วยความงง ถึงมันจะมืด
แต่ผมก็พอมองเห็นว่าสีหน้าของเขาจริงจังแค่ไหน
“เป็นพี่ได้มั้ย
ที่นายจะรัก...เป็นพี่ได้มั้ยที่จะดูแลทั้งร่างกายและหัวใจนาย”
ผมอึ้ง...ทุกครั้งที่เขาพูดอะไรก็ตามที่สื่อความมายออกมาแบบนี้
ผมคิดว่าเขาแค่แกล้ง หรือต้องการจะทำให้ผมเลิกคิดเรื่องของพี่เซย์
แต่พอมาตอนนี้ผมกลับคิดว่าคำพูดของเขาเป็นเรื่องจริง!
“พี่จาก้วร์...” ผมพูดอะไรไม่ออก
ได้แต่เรียกชื่อร่างสูงตรงหน้า
“พี่ไม่ได้ต้องการให้นายตอบตอนนี้...ขอแค่ให้โอกาสพี่ก็พอ
แล้วพี่จะทำให้นายเห็นว่าสิ่งที่พี่พูดมาจากใจจริง!” ผมได้แต่ยืนนิ่ง
พยักหน้ารับไป ไม่รู้ทำไมผมต้องพยักหน้า
แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างมาทำให้หัวใจผมเต้นแรงแปลกๆ
ทั้งๆที่มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“ขอบคุณครับ^^” เขายิ้มมาให้ผม
ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมทำหน้ายังไง สีหน้าเป็นแบบไหน
รู้แค่ว่า...รอยยิ้มของพี่จา มันกำลังจะทำให้ผมเป็นลม...
“เฮ๊ย!! ดัสมิลล์!!” และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมรับรู้ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป...
อื้อออ
ผมรู้สึกตัวตื่นเพราะแสงแดดอ่อนๆที่แยงตา
ลืมตาขึ้นช้าๆ ก็พบว่าผมนอนอยู่ในห้องนอนของตัวเอง เช้าแล้ว? ผมหลับไปตอนไหน
“อื้อออ” ผมที่จะขยับตัวลุก
แต่ก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้ เพราะความปวดเหมื่อยไปทั้งตัว
แถมที่ปวดมากที่สุดก็ตรงสะโพกนี่แหละ....ห๊ะ!!
สะโพกเหรอ?
เกิดอะไรขึ้นกับผมเมื่อคืนกันแน่??
“อืมม”
เสียงครางต่ำในลำคอของใครบางคนที่คาดว่าน่าจะนอนอยู่ข้างผมตอนนี้
เรียกให้ผมหันหน้าไปมอง
และก็เจอกับใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้กับหน้าของผมมาก
มากซะจนจมูกจะติดกันอยู่แล้ว หวาๆๆๆ แบบนี้มันก็ใกล้ไปแล้วนะ ผมหน้าร้อนผ่าว ขยับตัวหนีร่างสูงที่นอนหลับอยู่
แต่ก็ขยับได้แค่นิดเดียว เพราะความปวดที่สะโพก ถ้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน
ผมจำอะไรไม่ได้สักอย่าง
แต่ที่ผมรู้สึกคือ ตอนนี้ ผมตัวเปลือยเปล่า
ไม่ได้สวมอะไรไว้เลย และพอมองร่างที่นอนอยู่ข้างๆ
เปลื่อยท่อนบน? ทำไมถึงเปลื่อย!! ผมรู้แค่ว่าท่อนบนของเขาไม่ได้สวมเสื้อ
แต่ท่อนล่างผมไม่รู้ ผ้าห่มมันปิดไว้อยู่
แล้วเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกับผมเนี่ย!!
Rrrrr...
เหวอ! ตกใจหมด ผมขยุบลุกและลงจากเตียงด้วยความยากลำบาก
เพราะเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดัง ผมเดินช้าๆ
ไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะข้างตู้เสื้อผ้า แล้วกดรับสาย
“อ่าา...”
[เป็นยังไงบ้างดัส!] แตมป์ถามผมด้วยความเป็นห่วง
ผมลืมไปได้ยังไงนะว่าผมยังมีเพื่อนคนนี้อยู่ข้างๆ
“ก็เจ็บอ่ะแหละ...แต่ไม่เป็นไรหรอก”
[เฮ่ออ เป็นห่วงจัง] ผมเดินไปคุยโทรศัพท์กับแสตมป์ที่ระเบียง
“ฉันไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่นายเถอะ เป็นยังไงบ้าง?”
ผมถาม เพราะตั้งแต่ที่มา ผมก็ยังไม่ได้คุยกับแสตมป์เลย ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง
[ก็ดีแหละ...] เสียงปลายสายเบาลง จนผมนึกประหลาดใจ
ปกติแตมป์เป็นคนที่พูดเยอะกว่านี้ไม่ใช่เหรอ? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนผม?
“ไม่เป็นไรแน่นะ”
[อืม แล้วนี่จะกลับเมื่อไหร่?]
“อีกสองสามวันอ่ะ ฮ้าวววว” พูดไปด้วย หาวไปด้วย
มาง่วงอะไรตอนนี้เนี่ย!!
[โอเคๆ งั้นก็นอนต่อเถอะ
แค่นี้แหละ อ๊ะ!....(คุยกับใคร..) พะ เพื่อน! (หึ ให้มันจริงเถอะ!! อย่าร่านให้มันมากนัก!) มะ..ไม่ใช่นะ พะ...ตู๊ดดด] ผมที่ยังไม่ได้วางสายจากแสตมป์
ได้ยินบทสนทนาแปลกๆของเพื่อน...แสตมป์อยู่กับใคร
แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกับแตมป์?
แต่เสียงผู้ชายคนนั้นทำไมเหมือนผมเคยได้ยินมาจากที่ไหน
“คุยกับใครอยู่ครับ?”
“อ๊ะ!” ผมสะดุงตกใจ
เสียงทุ่มนุ่มที่หลายวันมานี้ ผมได้ยินทุกวันจนมันคุ้นชินไปแล้ว เอ่ยขึ้นที่ข้างหู
พร้อมกับแขนแกร่งที่โอบรอบเอวผมไว้หลวมๆจากด้านหลัง
“จะทำอะไรน่ะ!” ผมร้องถาม
พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดนี้
“ขออยู่อย่างนี้สักพักนะ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร”
เขาพูดกระซิบที่ข้างหู ผมรู้สึกวาบหวิบไปทั่วท้อง...ผะ ผมเป็นอะไร รู้สึกแปลกๆ
ผมยืนอยู่นิ่งๆ
ให้พี่จาก้วร์กอดอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่พูดอะไร
ผมไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำแบบนี้ไปทำไม
ไม่รู้ด้วยว่าสีหน้าของร่างสูงเป็นแบบไหน ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย
แต่ที่ผมรู้สำหรับตัวผมตอนนี้
คือผมกำลังใบหน้าร้อนมาก แถมจะหลอมละลายไปหมดแล้ว
ถ้าให้เดาผมว่าผมคงหน้าแดงมากแน่ๆ
“เมื่อคืน...พี่มีความสุขมากเลยนะครับ” อยู่ๆ
เขาก็พูดออกมา...จริงสิ! เรื่องนี้แหละที่ผมอยากจะรู้!!
“เมื่อคืน? เกิดอะไรขึ้นครับ?”
“...จำไม่ได้เหรอ?” ผมสายหน้าเป็นคำตอบ พี่จาคลายอ้อมกอดออก
แล้วพลิกตัวผมให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา
“จำไม่ได้จริงๆน่ะเหรอ?”
เขาถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง
“อื้ออ
จำอะไรไม่ได้เลย...รู้แค่ว่าตื่นมาก็ปวดไปทั้งตัว ปวดสะโพกด้วย”
“เมื่อคืนน่ะ ดัสน่ารักมากเลยนะครับ” เขาพูดแล้วยิ้มอารมณ์ดี
แต่ผมนี่สิยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขาหมายถึงอะไร!!!
---------------------++++++++++----------------------
100%
#ได้แค่นี้แหละ ขอรับ เกิดอะไรขึ้นกับดัสมิลล์ก็ เดี๋ยวได้รู้กัน
ยังไงก็รอต่อไป อย่าพึ่งพากันเกลียดดัสน๊าาาา~
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น